โรคภูมิแพ้ ...ที่ไม่มีวันยอมแพ้
ภูมิแพ้ คือ ปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) เข้าไป ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเคมีบางชนิด ซึ่งทำให้ร่างกายมีการตอบสนองในลักษณะแตกต่างกัน เช่น มีน้ำมูก คัดจมูก มีผื่นขึ้นตามบริเวณผิวหนัง คันในดวงตา เป็นต้น สารก่อภูมแพ้จะมีลักษณะแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล เมื่อร่างกายดีรับสารดังกล่าวจะทำให้เกิดปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป สารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ไรฝุ่น ขนสัตว์ต่างๆ หรือละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่สามารถติดต่อทางกรรมพันธุ์ได้โดยตรง บุคคลที่มีญาติหรือคนในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อนจะมีโอกาสที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ได้สูงกว่าบุคคลที่ไม่เคยมีประวัติครอบครัวเคยเป็นโรคภูมิแพ้มาเลย
อาการของโรคภูมิแพ้ หากเป็นอาการแพ้ทางระบบหายใจจะมีลักษณะ คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ คัน จาม ถ้าโพรงจมูกบวมมาก อาจจะมีน้ำมูกไหลลงคอ หรือไอเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนนอน และเมื่ออากาศเย็น (อาการหอบหืดก็ถือว่าเป็นภูมิแพ้ลักษณะหนึ่งเช่นกัน) ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้มักจะไม่มีไข้ ถ้ามีไข้น่าจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสร่วมด้วย
- อาการทางผิวหนัง จะมีอาการคันตามบริเวณผิวหนัง มีผื่นแพ้ซึ่งเป็นได้ทั้งตุ่มเล็กๆ ไปจนถึงตุ่มที่เป็นปื้นขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าลมพิษ
- อาการทางตา จะมีอาการในลักษณะการคันในดวงตา น้ำตาไหลบ่อย ตาแดง
- อาการแพ้อาหาร หรือแพ้สารพิษจากแมลงนั้นจะมีอาการได้หลากหลาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นคัน หากมีอาการแพ้มากอาจจะมีอาการช็อคได้ขึ้นกับปริมาณความเข้มข้นของสารนั้นๆ
- มีตุ่มใสขนาดเล็ก เกิดขึ้นภายในช่องปากที่บริเวณเพดานอ่อน
เมื่อเป็นโรคภูมิแพ้แล้วจะเป็นโรคอื่นได้หรือไม่
คนไข้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่จมูก มีโอกาสที่จะเป็นโพรงไซนัสอักเสบได้ง่าย เนื่องจากเมื่อมีอาการแพ้ โพรงจมูกจะบวม เยื่อบุโพรงไซนัสจะบวมด้วย รวมถึงรูเปิดของโพรงไซนัสจะบวม ดังนั้น น้ำมูกจะไม่สามารถไหลออกมาได้ ทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียและนำไปสู่โพรงไซนัสอักเสบ
คนไข้ยังสามารถเกิดโพรงจมูกอักเสบได้ง่าย คนไข้จะมีอาการปวดบริเวณโพรงจมูกแต่จะไม่มีอาการปวดบริเวณใบหน้า อาจมีไข้บ้างเล็กน้อย หรือมีความรู้สึกหน่วงๆ บริเวณหน้าผากได้ คนไข้ที่เป็นภูมิแพ้จะมีโอกาสเป็นริดสีดวงจมูกได้ง่ายอีกด้วย
แนวทางการรักษาภูมิแพ้
การรักษาภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ต้องใช้การรักษาโดยรับประทานยาแก้แพ้ อาจร่วมกับการใช้ยาพ่นจมูก หรือรักษาโดยวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้โดยฉีดสารที่คนไข้แพ้ในปริมาณและความเข้มข้นน้อยๆ จากนั้นจะเพิ่มปริมาณและความเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันต่อสิ่งนั้นๆได้
รับประทานยาแก้แพ้
- ยาแก้แพ้ในปัจจุบันมีผลเสียต่อร่างกายน้อยมาก อย่างไรก็ตามถ้าอาการแพ้ดีขึ้นหรือในช่วงนั้นไม่มีอาการแพ้สามารถหยุดยาได้ แต่เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก สามารถกลับมารับประทานยาได้อย่างเดิม
- ยาพ่นจมูกแบ่งเป็น 3 ชนิด
- ยาที่ลดการบวมของโพรงจมูก ยานี้ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้โพรงจมูกแห้งมาก อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้
- ยาที่ช่วยลดอาการแพ้ของโพรงจมูก ซึ่งเป็นยาที่มีสเตียรอยด์ สามารถใช้ต่อเนื่องได้ในระยะเวลานานแต่ต้องใช้ในขนาดที่แพทย์กำหนด การใช้ในเด็กควรปรึกษาแพทย์
- ยาที่ช่วยให้โพรงจมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง ยานี้ไม่มีอันตรายใดๆสามารถใช้ต่อเนื่องได้
แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและออกกำลังกายเป็นประจำ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ การดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่...เราทำเพื่อคนที่เรารักด้วย